รีวิว (Review) Vivo Y17 Leave a comment

สมาร์ทโฟนราคาเล็กสเปกใหญ่ใหม่ล่าสุด ด้วยแบตเตอรี่ Dual-Engine Fast Charging ใหญ่จุใจ 5000 mAh พร้อมกล้อง AI Triple Camera ผสานกล้องหน้า AI 20MP, จอไร้ขอบ Halo FullView ใหญ่เต็มตา 6.35 นิ้ว และ Ultra-Game Mode+Dual-Turbo เพื่อคอเกมตัวจริง บนตัวเครื่อง Mirror Finish ไล่เฉดสีโฉมใหม่สุดเงางาม ในราคาคุ้มค่าเพียง 6,999 บาท เริ่มเปิดจองแล้ววันนี้

 

11 พฤษภาคม 2019 – ล่าสุดนี้ทางค่าย Vivo ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากตระกูล Y-Series อย่าง Vivo Y17เพิ่มเติม กับจุดเด่นที่แบตเตอรี่ความจุมากถึง 5000 mAhพร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตความเร็วสูงแบบ 18W Dual-Engine Fast Charging เรียกได้ว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และยังไม่ต้องรอชาร์จแบตเตอรี่นานเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ อีกด้วย

Vivo Y17 มาในดีไซน์จอไร้ขอบ พร้อมรอยบากแบบหยดน้ำ (Halo FullView Display) ขนาดใหญ่ 6.35 นิ้ว กับอัตราส่วนการแสดงผลที่ 19.3:9 ความละเอียดระดับ HD+ (720×1544 พิกเซล) บนตัวเครื่องดีไซน์เงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror Finish ที่มีการไล่เฉดเล่นกับแสงตามมุมที่ตกกระทบ ที่เพิ่มความพรีเมียมให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี กับ 2 สีใหม่ล่าสุด ได้แก่ Mineral Blue และ Mystic Purple

ด้านคุณสมบัติภายในขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio P35 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็ว 2.3 GHz พร้อม GPU แบบ IMG PowerVR GE8320 จับคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาดกำลังดีที่ 4GB และมีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB โดยสามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้อีก 256GB จึงสามารถเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องหมั่นเคลียร์พื้นที่บ่อยๆ อีกทั้งยังรองรับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ที่สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด + 1 microSD Card ได้พร้อมกัน และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการAndroid 9.0 Pie เวอร์ชันล่าสุด ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 9 เวอร์ชันล่าสุดเช่นกัน

 

อีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นของ Vivo Y17 ก็คือกล้องถ่ายภาพ ที่อัปเกรดมาใช้งานระบบกล้อง 3 ตัว (AI Triple Camera) ที่ ด้านหลัง กับความละเอียด 13+8+2 ล้านพิกเซล ที่มีเลนส์มุมกว้าง AI Super Wide-Angle ถึง 120 องศา พร้อมเลนส์ Depth สำหรับละลายฉากหลัง ส่วนทางด้านกล้องหน้าคมชัดระดับ 20 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อมโหมดการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh) รวมถึงรองรับฟังก์ชันการสแกนใบหน้า (Face Access) เพื่อปลดล็อกตัวเครื่อง ควบคู่กับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Vivo Y17 มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียมคล้ายกระจก หรือการอัปเกรดมาใช้งานกล้องหลังถึง 3 ตัว (AI Triple Camera) รวมไปถึงฟีเจอร์ที่จัดมาให้แบบครบครัน โดยมีราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยค่อนข้างย่อมเยาที่ 6,999 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมรีวิว Vivo Y17 พร้อมกันได้เลยค่ะ

 

รูป ลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Vivo Y17 มาในแพ็กเกจสีขาวสะอาดตา

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ 9V/2A, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB, เคสใส, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน

ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายใน แพ็กเกจ 

Vivo Y17 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.35 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.3:9 โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 89% ความละเอียดระดับ HD+ (720×1544 พิกเซล : 268 ppi) และครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D บนตัวเครื่องมีขนาด 159.43×76.77×8.92 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 190.5 กรัม

ที่ด้านบนประกอบไปด้วยกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/2.0 และรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อมลำโพงสนทนาที่ด้านบน และติดตั้งเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

พร้อมกับรองรับระบบสแกนใบหน้าแบบ Face Access ในการปลดล็อกตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งสามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วทันใจ

ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย

ที่ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีปุ่มสั่งการใดๆ

ที่ด้านล่างประกอบด้วยช่องสำหรับเชื่อมต่อหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ microUSB และลำโพงเสียง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

Vivo Y17 มีตัวเครื่องดีไซน์เงางามคล้ายกระจก พร้อมการไล่เฉดสีเล่นกับแสงตามมุมที่ตกกระทบได้แบบ Mirror Finish โดยตัวเครื่องที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันเป็นสี Mineral Blue

กล้องตัวหลักที่ด้านหลังของ Vivo Y17 มีทั้งหมด 3 ตัว แบบ AI Triple Camera โดยกล้องตัวหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.2 ส่วนกล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ AI Super Wide-Angle 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.2 และกล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างที่ F/2.4 สำหรับเบลอฉากหลัง ซึ่งรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh) พร้อมโหมดหน้าสวยที่เลือกได้ถึง 6 ระดับ สำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) เพื่อปลดล็อกตัวเครื่องจะอยู่ถัดลงมาที่ตรงกลางด้านล่าง


เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

Vivo Y17 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9.0 Pie ซึ่งถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 9 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด (Dual 4G)

มีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB และหน่วยความแรม (RAM) ขนาด 4GB

เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกดปุ่มไอคอน X ที่ด้านล่าง

เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการ ปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมเลือกใช้งาน Widget และเอฟดฟ็กต์ในการเลื่อนหน้าจอที่ต้องการได้

และเมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่างๆ และเมื่อลากจากขอบด้านล่างของหน้าจอจะพบกับ Toggle Swtich ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของ คีย์ลัดเองได้ด้วย

เมื่อปัดไปทางขวาจากหน้าโฮม จะเจอกับหน้า Card พื้นที่การแสดงข้อมูลต่างๆ และคอยแนะนำฟีเจอร์ อย่างเช่น สภาพอากาศปัจจุบัน, จำนวนก้าว หรืออีเวนท์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ และยังสามารถจัดการแอปพลิเคชันที่แสดงภายในหน้า Card ได้ ด้วยการกดที่ Card Management ที่ด้านล่าง

รวมทั้ง Shortcuts ทางลัดเข้าถึงแอปพลิเคชัน และเครื่องมือต่างๆ เช่น Speed up สำหรับเคลียร์พื้นที่หน่วยความจำ RAM, เครื่องคิดเลข หรือบันทึกเสียง เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่ง และจัดตำแหน่งของการ์ดได้ด้วยตนเอง จากการกดเครื่องหมาย + ที่ด้านบน

แอปพลิเคชัน i Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการล้างพื้นที่ (การเคลียร์แรม), ตั้งค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละแอปพลิเคชัน หรือการจำกัดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน ก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Calculator, Recorder, Compass, Feedback และ FM Radio 

Vivo Y17 สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ, โหมด Eye Protection และการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอที่เลือกระดับได้ตามที่ต้องการ

และด้วยดีไซน์ของ Vivo Y17 ที่เป็นแบบ Halo FullView Display ในอัตราส่วน 19.3:9 จึงสามารถปรับให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย

สามารถเปลี่ยนธีม และภาพพื้นหลังได้

และยังสามารถเปลี่ยนธีมของตัวเครื่องได้ผ่านแอ ปพลิเคชัน i Theme

รวมถึง Font ตัวอักษรรูปแบบต่างๆ และการตั้งค่าอื่นๆ บนหน้าจอได้

นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Lockscreen ให้เปลี่ยนเองแบบอัตโนมัติได้

สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ พร้อมกับเลือก Navigation Gestures Style ได้ 2 รูปแบบ หรือไม่แสดงปุ่มใดๆ 

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo Y17 มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

และระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น

สำหรับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะก็มีให้ใช้งาน บน Vivo Y17 ด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย Smart Wake เป็นการวาดตามรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันการโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร m เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน i Music สำหรับฟังเพลง 

Smart turn on/off screen การเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ โดยสามารถตั้งค่าให้หน้าจอติดเมื่อยกตัวเครื่องขึ้น หรือสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้งติดกันเพื่อเป็นการล็อกหน้าจอ และ Smart Call การโทรอัจฉริยะ

Vivo Y17 ยังมาพร้อมระบบผู้ช่วยอัจฉริยะใหม่ล่าสุดอย่าง Jovi AI Assistant ที่รองรับฟังก์ชัน Smart Camera ด้วยเทคโนโลยี Smart Face Beauty ในการปรับโครงหน้าได้ทุกส่วนตามที่ต้องการด้วยปัญญาประดิษฐ์ และ Smart Scene การแจ้งเตือนข่าวสารต่างๆ รวมถึงพยากรณ์อากาศ และตารางนัดหมาย เพื่อให้จัดการตารางเวลาได้ง่ายขึ้น 

Vivo Y17 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุมากถึง 5000 mAh  พร้อมระบบจัดการพลังงานภายในเครื่อง และโหมดประหยัดพลังงานแบบ Low Power Mode รวมถึง Super Power-Saving Mode ที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน

รวมถึงรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 18W Dual-Engine Fast Charging 

ฟังก์ชัน Do Not Disturb สำหรับปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบไม่มีการสั่นเตือน ยกเว้นการตั้งปลุกที่ผู้ใช้ตั้งค่าเอาไว้ โดยจะมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ที่ด้านบนเมื่อเปิดการใช้งาน

Vivo Y17 มาพร้อมฟังก์ชันเอาใจสายโซเชียลอย่าง App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

สำหรับบริการ vivoCloud ก็มีให้ใช้งานบน Vivo Y17 เช่นเดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถสำรองข้อมูลต่างๆ ภายในตัวเครื่อง เช่น ข้อความ SMS, รายชื่อผู้ติดต่อ และบุ๊คมาร์คของเว็บเบราวเซอร์ ไปยังระบบคลาวอินเทอร์เน็ตของ Vivo ได้

Vivo ได้ทำการรวบรวมแอปพลิเคชันเด่นมาให้ได้ดาวน์โหลดบน Vivo Y17 กันผ่านทาง Vivo App Store

ฟังก์ชัน Smart Split สำหรับแบ่งหน้าจอการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน โดยเน้นไปที่แอปพลิเคชันเกี่ยวกับ Message โดยสามารถตอบแชทได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่

โดยฟังก์ชัน Screen-Split สามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Screen-Split ที่รองรับทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน

สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มลดเสียง หรือลาก 3 นิ้ว จากบริเวณด้านล่างหน้าจอไปยังด้านบน

และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย

ตัวอย่างการบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาว

อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Vivo Y17 คือ ฟังก์ชัน Game Cube ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ อย่างการโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา

Vivo Y17 รองรับการเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน i Music พร้อมเทคโนโลยี DeepField สำหรับช่วยขับเสียงร้องให้มีความชัดเจน พร้อมปรับเสียงเบสให้มีอิมแพคมากยิ่งขึ้น

สามารถปรับค่า Equalizer และเลือกใช้หูฟังต่างๆ ของ Vivo ได้

ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้ หลักๆ 2 แบบ คือ แสดงแบบแยกอัลบั้ม กับแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งาน ได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

รวมทั้งยังมีโหมดการใช้งานมือเดียว ซึ่งเป็นการปรับขนาดของแผงตัวเลขโทรศัพท์, แป้นพิมพ์รหัสผ่านให้เล็กลง ซึ่งช่วยให้ใช้งานมือถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสะดวกขึ้น 

ที่สำคัญ Vivo Y17 ยังรองรับฟังก์ชันเพื่อความเป็นส่วนตัวอย่าง Privacy and App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง File Safebox ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo Y17 นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 36 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 13 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

Vivo Y17 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio P35 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.3 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) IMG PowerVR GE8320, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 9 เวอร์ชันล่าสุด

Vivo Y17 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 87,881 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 904 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 4,413 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้ 510 คะแนน 

Vivo Y17 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง Marvel Future Fight, Mortal Kombat, ROV และ PUBG Mobile ก็พบว่า Vivo Y17 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น แต่ก็มีอาการหน่วง หรือกระตุก และการสะสมความร้อนให้เห็นบ้าง

Vivo Y17 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Halo FullView Display ความละเอียดระดับ  HD+ และมีอัตราส่วนแบบ 19.3:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ HD 720p ได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ

Vivo Y17 มาพร้อมกับระบบกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ความละเอียด 13 + 8 + 2 ล้านพิกเซล ที่มีเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ Super Wide-Angle และเลนส์ Depth โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน โดยสามารถเลือก เปิด-ปิด ไฟแฟลช, โหมด HDR และ Live Photo ได้ 

รวมถึงเมนูที่ด้านล่างอย่างการตั้งเวลาถ่ายภาพ, Filter, Portrait Bokeh, โหมดมุมกว้าง AI Super Wide-Angle และสัดส่วนภาพถ่ายแบบ Full Screen

ตัวอย่างการถ่ายในมุมมองปกติ และมุมกว้างแบบ AI Super Wide-Angle

การถ่ายภาพในโหมด Portrait Bokeh สามารถปรับค่าความเบลอได้ระหว่าง F0.95 – F16

และสามารถปรับเลือกจุดโฟกัสใหม่ รวมถึงค่าความเบลอในภายหลังได้ด้วย

รวมถึงโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับได้ถึง 6 ระดับ

และรองรับการถ่ายภาพในโหมด PANO รวมถึง DOC

สำหรับการถ่ายโหมด Pro บน Vivo Y17 มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด

การถ่ายวิดีโอบน Vivo Y17 รองรับการบันทึกในมุมกว้างแบบ AI Super Wide-Angle โดยสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p

โดยสามารถตั้งเวลาในการบันทึก รวมถึงรองรับฟังก์ชัน SLO-MO และ Time-Lapse

และมีฟีเจอร์ Fun Video ในการสร้างคลิปวิดีโอตลกๆ แบบสั้นๆ ที่มาพร้อม Filter แบบต่างๆ รวมถึงเลือกเพลงประกอบได้

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้ามาพร้อมความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และมีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ที่เมนูตั้งค่า

สามารถเลือก เปิด-ปิด ไฟแฟลชหน้าจอ, โหมด HDR, โหมด Portrait และ Live Photo ได้

รวมถึงการจับเวลาถ่ายภาพ, เลือก Filter และถ่ายเซลฟี่ในสัดส่วน Full Screen

กล้องหน้าของ Vivo Y17 มาพร้อมเทคโนโลยี AI Face Beauty ที่สามารถเลือกปรับแต่งความสวยแบบอัตโนมัติ (AI) หรือเลือกได้เองถึง 6 ระดับ

ฟังก์ชันสำหรับถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้างแบบ PANO ก็มีให้ใช้ งานบน Vivo Y17 ด้วยเช่นกัน

การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ Vivo Y17 ก็สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p

และมีฟีเจอร์ Fun Video ในการสร้างคลิปวิดีโอตลกๆ แบบสั้นๆ ที่มาพร้อม Filter แบบต่างๆ รวมถึงเลือกเพลงประกอบได้

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ความละเอียดระดับ 13+8+2 ล้านพิกเซล ของ Vivo Y17

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Super Wide-Angle

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Super Wide-Angle

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Super Wide-Angle

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ระดับ F2.0

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ระดับ F8.0

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Super Wide-Angle

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน 

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Super Wide-Angle

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน 

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Super Wide-Angle

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 20 ล้านพิกเซลของ Vivo Y17

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด AI Face Beauty แบบอัตโนมัติ (AI)

ภาพถ่ายจากโหมด AI Face Beauty ระดับ 3

ภาพถ่ายจากโหมด AI Face Beauty ระดับ 6

ภาพถ่ายจากโหมดปกติแบบย้อนแสง (ปิดฟังก์ชัน HDR)

ภาพถ่ายจากโหมดปกติแบบย้อนแสง พร้อมเปิดฟังก์ชัน HDR

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh

สรุปผลการทดสอบของ Vivo Y17

จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้นพอจะกล่าวได้ว่า Vivo Y17 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจด้วยแบตเตอรี่มากถึง 5000 mAh ซึ่งสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน แม้เล่นเกม หรือใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 18W Dual-Engine Fast Charging ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จ และไม่ต้องรอนานเหมือนกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าสามารถตอบโจทย์สาย Entertain ที่ชื่นชอบการเล่นเกม และการชมภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเร็ว

อีกทั้งยังมีดีไซน์จอไร้ขอบแบบ IPS LCD Halo FullView Display ขนาดใหญ่ 6.35 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.3:9 ความคมชัดที่ระดับ HD+ (720×1544 พิกเซล) จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ HD 720p ได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D บนตัวเครื่องดีไซน์ Mirror Finish ที่มีความเงางามคล้ายกระจก กับการไล่เฉดสีแบบใหม่ล่าสุด เล่นกับแสงในมุมตกกระทบ ที่ช่วยเสริมให้ตัวเครื่องมีความพรีเมียมมากขึ้น

 

หนึ่งในจุดเด่นที่น่าสนใจของ Vivo Y17 ก็คือกล้องตัวหลักที่ด้านหลัง ที่จัดเต็มมากขึ้นถึง 3 ตัว (AI Triple Camera) ซึ่งประกอบไปด้วย กล้องตัวหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.2 ส่วนกล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ AI Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.2 ที่สามารถเก็บภาพได้กว้างถึง 120 องศา และกล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างที่ F/2.4 สำหรับเบลอฉากหลัง โดยรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh) พร้อมโหมดหน้าสวยที่เลือกได้ถึง 6 ระดับ

ส่วนกล้องหน้าคมชัดระดับ 20 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงที่ F/2.0 รองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ หรือเลือกปรับค่าความสวยได้เองถึง 6 ระดับ และรองรับโหมดการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh) รวมถึงรองรับฟังก์ชันการสแกนใบหน้า (Face Access) เพื่อปลดล็อกตัวเครื่อง ที่ทำงานควบคู่กับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง

 

สเปกภายในของ Vivo Y17 ครบด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio P35 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็ว 2.3 GHz พร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) IMG PowerVR GE8320 จับคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB พร้อมกับ ROM ความจุตัวเครื่องขนาด 64GB ที่ สามารถเพิ่ม microSD ได้อีกถึง 256GB จึงสามารถเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้เพียงพอในการใช้งานพื้นฐาน รวมถึงหมดปัญหาการเลือกใช้งานในช่องซิมการ์ดที่ 2 เนื่องจาก Vivo Y17 มาพร้อมกับถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ที่สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด + 1 microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่ครอบทับด้วย Funtouch 9 เวอร์ชันใหม่เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังรองรับระบบผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Jovi AI Assistant อีกด้วย

 

และ Vivo Y17 ยังรองรับฟีเจอร์สำหรับเกมเมอร์ตัวจริงอย่าง Game Cube โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ที่ช่วยในการโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าให้อยู่ในรูปแบบ Pop-up เท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนานั่นเอง

นอกจากคุณสมบัติเด่นในข้างต้น Vivo Y17 ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ อย่างครับครัน ไม่ว่าจะเป็น App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ อย่างเช่น เช่น Facebook หรือ Line ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน และรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด (Dual 4G) รวมถึงฟังก์ชัน Screen-Split ในการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ 

Vivo Y17 ยังรองรับฟังก์ชันที่ช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวอย่าง Privacy and App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง File Safebox ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน อีกด้วย

 

และจากการทดสอบทั้งหมดพอจะสรุปได้ว่า Vivo Y17 เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมแบตเตอรี่อึด ที่สามารถใช้งานได้ตลอดวัน โดยเฉพาะด้านความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือชมภาพยนตร์ / ซีรีส์เรื่องโปรดได้แบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเร็ว บนการดีไซน์ตัวเครื่องเงางามแบบไล่เฉดที่กำลังเป็นที่นิยม รวมถึงฟังก์ชันการถ่ายรูปทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ผสานเทคโนโลยี AI และฟีเจอร์สำหรับถ่ายภาพที่ครบครัน ในราคาจับต้องได้

สำหรับ Vivo Y17 เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 6,999 บาท กับตัวเลือก 2 สีอย่าง Mineral Blue และ Mystic Purple ซึ่งวันนี้ก็เริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าเป็นวันแรก (เปิดจองระหว่างวันที่ 11-17 พฤษภาคม 2562) ท่านใดที่สนใจ ก็สามารถแวะเวียนเข้าไปทดลองใช้งานเบื้องต้น หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Vivo Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo Y17 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

 

รายละเอียดการสั่งจอง Vivo Y17

 

สำหรับท่านที่สนใจ Vivo V17 สามารถสั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) เพื่อเป็นเจ้าของก่อนใคร ได้ตั้งแต่วันที่ 11-17 พฤษภาคม 2562 ผ่านร้าน Vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่าย โดยมีรายละเอียดเงื่อนไขการสั่งจอง ดังนี้

– ลูกค้าที่ทำการจอง Vivo Y17 ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขาและร้านตัวแทนจำหน่าย รับสิทธิ์ได้เครื่องก่อนใครพร้อมทั้งได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ มากมาย ได้แก่

ลูกค้าจะได้รับกระเป๋าสุดพิเศษจากวีโว่
ลูกค้าจ่ายค่ามัดจำในการจองเพียง 500 บาท พร้อมทั้งกรอกรายละเอียดการจองและตรวจสอบการจองให้ครบถ้วน หากเกิดข้อผิดพลาดจากตัวผู้จองเอง ทางบริษัท วีโว่ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น ในทุกรณี
ต้องนำใบการจอง พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมารับสินค้า พร้อมทั้งชำระค่าส่วนต่างในวันรับเครื่อง
ลูกค้าสามารถรับเครื่อง Vivo Y17 ในสาขาที่ทำการจองเท่านั้น มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ในการรับของแถม พร้อมทั้งสงวนสิทธิ์ในการคืนค่ามัดจำในทุกกรณี

– ระยะเวลาเปิดรับการจองเริ่มตั้งแต่วันที่ 11–17 พฤษภาคม 2562  เท่านั้น ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
– บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
– หากมีข้อสงสัยในการสั่งจองสามารถติดต่อได้ที่ : บริษัท วีโว่ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 729/117-121แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทร. 02-284-0333 Fax. 02-2943988 Call Center. 02-294-3111-2  หรือที่ www.vivo.co.th
– สำหรับผู้ที่ทำการจอง Vivo Y17 สามารถรับเครื่องพร้อมของแถมในวันที่ 18 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป

จุดเด่นของ Vivo Y17

– ตัวเครื่องดีไซน์เงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror Finish
– บอดี้สีไล่เฉด (Gradient) ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงในมุมต่างๆ โดยมีทั้งหมด 2 ตัวเลือก ได้แก่ Mineral Blue และ Mystic Purple
– หน้าจอแสดงผล IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.35 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.3:9 โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 89% ความละเอียดระดับ HD+ (720×1544 พิกเซล) และครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D 
– ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek MT6765 Helio P35 Processor ความเร็ว 2.3 GHz (ซีพียู Quad-Core Cortex-A53 2.3 GHz + ซีพียู Quad-Core Cortex-A53 1.8 GHz) 
– หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ IMG PowerVR GE8320
– ฟังก์ชัน Ultra-Game Mode และ Dual-Turbo สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพของการเล่นเกม
– ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 9
– หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
– หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 64GB
– รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ความจุ 256GB
– ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) และ microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน
– กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 โดยรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ และการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh) 
– กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย กล้องตัวหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ f/2.2 ส่วนกล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ AI Super Wide-Angle 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ f/2.2 และกล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ f/2.4 สำหรับเบลอฉากหลัง ซึ่งรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh) พร้อมโหมดหน้าสวยที่เลือกได้ถึง 6 ระดับ
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ด้านหลังตัวเครื่อง
– ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) 
– ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi AI Assistant
– ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ 
– ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตร
– แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W Dual-Engine Fast Charging
– รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi
– ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของประเทศรัสเซีย, Galileo ของสหภาพยุโรป และ Beidou ของประเทศจีน
– ราคา 6,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม


 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo Y17

– หน้าจอแสดงผลมีความละเอียดเพียงแค่ระดับ HD+
– ด้านหลังตัวเครื่องมีพื้นผิวแบบกระจกที่มีความมันวาว จึงอาจเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย และเสี่ยงต่อการตกแตกได้ง่าย
– ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ หรือป้องกันฝุ่น
– ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อน เมื่อมีการประมวลผลหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน
– หน้าจอ Halo FullView Display ในอัตราส่วน 19.3:9 ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้
– ตัวเครื่องค่อนข้างหนา และมีน้ำหนักพอสมควร
– ยังคงใช้พอร์ตแบบ microUSB ไม่ใช่ USB Type-C
– วัสดุที่ใช้ผลิตกรอบตัวเครื่องไม่ใช่โลหะ  


โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *